ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วอเตอร์เครส (water cress)

       
       "วอเตอร์เครส (water cress)" ได้ยินชื่อแล้วเป็นภาษาฝรั่ง ก็คิดว่าน่าจะปลูกยาก เพราะนึกไปเองว่าอากาศบ้านเรา มันมีแค่สองฤดู ร้อนกับร้อนมาก จะเอาผักฝรั่งมาปลูกจะงอกหรือ อากาศบ้านเค้ากับบ้านเรามันต่างกัน ภาษาไทยเราเรียกผักชนิดนี้ว่า "สลัดน้ำ"
        วันนึงก็ได้วอเตอร์เครสมาจากบ้านคุณทอม คุณทอมเอามือแงะมาให้ มีรากติดดินมานิดหน่อย แล้วบอกว่าผักชนิดนี้ยึ่งตัดกินก็ยิ่งแตกยอด พอมาถึงบ้านก็ค่ำๆแล้ว ก็วางแมะเอาไว้อย่างนั้นก่อน รุ่งขึ้นถึงจะนำลงปลูก 
        ปรากฎว่าปลูกไปไม่กี่สัปดาห์ มันก็แตกยอด ดูจากกอก็จะใหญ่ขึ้น จากนั้นก็ลองตัดไปกิน แรกๆก็ได้ไม่เยอะ ต้องนำไปผสมผักบุ้ง หรือผักอะไรก็ได้เป็นผัดผักรวมมิตร  เราต้องตัดไปกิน เพื่อให้มันแตกยอด เข้าทำนองว่ายิ่งกินมากเท่าไร มันก็แตกยอดมากขึ้นกว่าที่เราตัดไปกินอีก  อย่างนี้ถูกใจมั่กมั่กค่ะ  เมล็ดก็ไม่ต้องว่านใหม่เหมือนผักทั่วไป แถมยิ่งกินยิ่งแตกยอด อันนี้ข้อดีข้อที่หนึ่ง 
       ข้อดี่อีกข้อคือ จากที่ค้นหาข้อมูลทางวิชาการพบว่า วอเตอร์เครสประกอบด้วยวิตามัน เอ ไรโบฟลาวิน ธาตุเหล็ก แคลเซี่ยม และโปรตีน ใช้ลดความดันโลหิต  
  

          การปลูกอาจจะวางกิ่งตามแนวนอนก็ได้ เพราะรากจะออกตามข้อ ก็จะเป็นการขยายพันธุ์ที่รวดเร็วดีมาก
         เมนูส่วนใหญ่ที่นำไปทำอาหารก็คือต้มจืด ใส่ไข่เจียว ผัดน้ำมันหอย ใส่ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  หรือกินสดเป็นผักสลัด ใส่ในแซนวิช หลากหลายเมนูค่ะ 
          


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การปักชำ ชาฮกเกี้ยน หรือ ชาดัด เพื่อปลูกเป็นแนวรั้ว

ปักชำ ชาฮกเกี้ยน เพื่อปลูกเป็นแนวรั้ว       ชาฺฮกเกี้ยน หรือบางคนเรียกว่า ชาดัด เข้าใจว่าเป็นเพราะนิยมนำมาดัดเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปสัตว์ต่างๆ และยังนิยมนำมาปลูกเป็นแนวรั้วด้วย และตามเกาะกลางถนนทั่วไป ตัดแต่งเป็นเหลี่ยม ขั้นบันได ดูแล้วก็สวยดี                วันนี้จะมาพูดถึง วิธีการชำ ชาดัด หรือ ชาฮกเกี้ยน ตั้งใจจะปักชำมาหลายวัน โดยเตรียมแก้วกาแฟพลาสติกที่ได้จากที่เพื่อนๆพี่ๆน้อง หลานๆ กินกาแฟแล้วช่วยกันเก็บมาให้ เป็นการ reuse พลาสติก โดยครั้งนี้ ปักชำประมาณ 50 ต้น           วิธีการปักชำ ชาฮกเกี้ยน หรือ ชาดัด ใช้วิธีการชำด้วยกะปิ   ไม่ใช้สารเคมี โดยนำกิ่งชาที่ตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 15-20 ซม. มาแช่ในน้ำที่ละลายกะปิก่อน แช่ไม่นานนะคะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง         จากนั้น นำกิ่งชาดัดที่แช่น้ำกะปิแล้ว มาปักลงแก้วกาแฟพลาสติกซึ่งใส่แกลบดำไว้เรียบร้อยแล้ว โดยรดน้ำเพื่อให้แกลบยุบตัวก่อน        หลังจากปักลงแก้วแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่ม นำใส่ถุงพลาสติกคลุม อบเอาไว้ เพื่อรักษาความชื้น และให้แสงผ่านเข้าไปได้  ครั้งนี้พอดีมีพลาสติกกันกระแทกเก่าๆ อยู่ เลยนำมาใช้คะ     เตรียมกรอกแกลบดำใส่แ

แปลงปลูกผัก สำหรับผู้ที่มีเนื้อที่น้อย แต่รักที่จะปลูก..

                                  รูป 1. กว้าง 42 ซม. ยาว 1.80 ม. สูง 1.95 ม.      หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูลทางเกษตรมาหลายเดือน ทดลองปลูกผักหลายอย่าง รวมทั้งไม้ดอก เพาะกล้าไม้ยินต้น ลองผิดลองถูกกับเนื้อที่บนระเบียงอันน้อยนิด แถมยังต้องมีเนื้อที่ข้างล่างวางถังน้ำหมักชีวภาพอีกหลายๆ สูตร หลายถัง ก็ทำกันไปด๊าย.. :)      ก็พยายามที่จะทำแปลงผัก ที่สามารถปลูกผักที่ต้องอาศัยค้างได้ เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วพู แตงกวา เป็นต้น คิดแล้วก็ได้รูปแบบออกมาอย่างในรูป โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทำจากไม้ไผ่ และบุด้วยถุงกระสอบ จากรูป1. แปลงนี้ กว้าง 42 ซม. ยาว 1.80 ม. สูง 1.95 ม. แปลงนี้ทำใช้เองบนระเบียงไม้ชั้น 2                                    รูป 2. กว้าง 42 ซม. ยาว 1.20 ม. สูง 1.85 ม. ส่วนรูป 2. เป็นแปลงที่มีขนาดความยาวน้อยกว่ารูปแรกค่ะ  ขนาดดูจะกระทัดรัดกว่า  กว้าง 42 ซม. ยาว 1.20 ม. สูง 1.85 ม.       ทั้ง 2 ขนาดสามารถนำไปตั้งที่ระเบียงบ้าน หรือทาว์นเฮาส์ หรือคอนโดได้ ขึ้นอยู่กับขนาดเนื้อที่ค่ะ     จากที่ทำขึ้นมานี้ใครเดินผ่านไปมาหน้าบ้าน ก็สนใจบอกว่าสวยดี  ก็เลยคิดว่าอาจจะมีผู้สนใจซื้อไปปลูกผัก

น้ำหมักชีวภาพ สูตรเร่งดอกเร่งผล คุณก็ทำได้...

    จากที่ศึกษาการทำน้ำหมกชีวภาพหลายๆสูตร หนึ่งในที่ทดลองหมักใช้ดู ก็คือสูตรเร่งดอกเร่งผล วัตถุดิบที่เป็นส่วนผสม ก็หาได้ง่าย ถ้าไม่ได้ปลูกเองก็จำเป็นต้องหาซื้อในตลาดไปก่อน แต่ผู้ที่มีสวนอยู่แล้ว วัตถุดิบนั้นหาได้ไม่ยากเลย     ขอนำรูปมาให้ดู ซึ่งเป็นผลจากการใช้น้ำหมักเร่งดอกเร่งผล ทุกอย่างปลูกบนระเบียงค่ะ                รูป 1. ถั่วฝักยาวสีแดง พันธุ์น่าน ออกฝักแล้ว ทานดิบอร่อยมาก รสหวาน          รูป 2. พริกชี้ฟ้า ก็ได้ผลออกมาแล้ว  ปลูกในกระถาง ความสูงไม่ถึงฟุต               รูป 3. อัญชันสีน้ำเงิน ปลูกในแก้วกาแฟ ความสูงไม่ถึงฟุต ก็ออกดอกแล้ว       คราวนี้มาพูดถึงส่วนผสมการทำน้ำหมักสูตรเร่งดอกเร่งผลกันบ้าง ก็จะมี 1.กล้วยน้ำว้าสุก ทั้งเปลือก        1 กก. 2. ฟักทองแก่  ทั้งเปลือกและเมล็ด    1 กก. 3. มะละกอสุก ทั้งเปลือกและเมล็ด     1 กก. 4. น้ำตาลทรายแดง(โอทึ้ง) หรือ กากน้ำตาล1 กก. วิธีทำ   1.  นำผลไม้ทั้งหมดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในถังหมัก   2.  ใส่น้ำตาลทรายแดง(โอทึ้ง) หรือ กากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝา หมักทิ้งไว้ 15 วัน   3.  เติมน้ำ 10 ลิตร หมักต่ออ