ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

โปรตีนจากรังไหม ช่วยชลอริ้วรอย เพิ่มสารอาหารให้เซลล์ที่สร้างคอลลาเจน

โปรตีนจากรังไหม

 ใยไหมที่เราเห็นในรูปสิ่งทอ เช่น ผ้าไหม ไม่ได้มีประโยชน์แค่ตรงนำมาทอเป็นผ้าเท่านั้นคะ  แต่ใยไหมจากธรรมชาตินั้นมาพร้อมกับ “โปรตีน”  ซึ่งเมื่อนำมาสกัดโปรตีน โปรตีนจากใยไหมเหล่านี้ จะมีคุณค่าเหมาะกับการบำรุงผิว




      จากที่ค้นหาในงานวิจัยพบว่า ใยไหมมีโปรตีน เซริซิน (Sericin) และ ไฟโบอิน (Fibroin) เป็นโปรตีน 2 ชนิด  ซึ่งมีกรดอะมิโนมากถึง 16-18 ชนิด เซริซินมีความสามารถในการดูดซับความชื้นได้ดี ช่วยชะลอริ้วรอย ป้องกันไม่ให้ผิวมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอม จึงไม่ค่อยเกิดรอยด่างดำ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันรังสีอุลตราไวโอเลต ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์เป็นสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด 

        ส่วนไฟโบอิน  คือโปรตีนอีกตัวที่พบได้ในใยไหม ที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ช่วยเพิ่มสารอาหารให้เซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งทั้งคอลลาเจน และอีลาสตินมีบทบาทสำคัญทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่นและมีความชุ่มชื้น เมื่ออายุมากชื้นคือประมาณ 25 ปีชื้นไป คอลลาเจนในร่างกายคนเรามันจะสูญสลายไป มากกว่าที่มันได้ผลิตขึ้นมา หากขาดคอลลาเจน ผลที่ตามมาคือ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น หยาบกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น  

        ทำการสกัดรังไหมที่มีอยู่โดยใช้น้ำด้วยความร้อนที่แรงดันสูง และนำมาทำ สบู่โปรตีนไหม ไม่มีน้ำหอม

ส่วนประกอบหลัก: กลีเซอรีนใส,  Hydrolyzed Silk, น้ำผึ้ง , no colour added, no preservative


   เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100050437



ราคาพร้อมค่าส่งลงทะเบียน ตามในตารางข้างบนเลยคะ

หรือแบบบรรจุในกล่องกระดาษสวยงาม เหมาะเป็นของฝากหรือใช้เอง

แบบกล่อง 3 ก้อน สามารถซื้อผ่าน   

ารสั่งซื้อ 
Line ID : handout2009
       https://www.facebook.com/handout2009 
 email : bloghandout@gmail.com หรือ handout2009@gmail.com  
 โทร 081-826-7357  

การชำระเงิน
 1. โอนผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 0812179728 
       ชื่อบัญชี สุวิมล ตันกมลาสน์
  2.  PayPal   : จ่ายให้ suwimon.lek@gmail.com
      


เอกสารอ้างอิง : เกียรติชัย ดวงศรี.(2553) การใช้สารสกัดโปรตีนเซริซินจากรังไหมเสีย  (Use of sericin protein extract from silk cocoon waste). ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งทอ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี



แก้ไขปรับปรุงล่าสุด 28 ก.ค. 2562

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การปักชำ ชาฮกเกี้ยน หรือ ชาดัด เพื่อปลูกเป็นแนวรั้ว

ปักชำ ชาฮกเกี้ยน เพื่อปลูกเป็นแนวรั้ว       ชาฺฮกเกี้ยน หรือบางคนเรียกว่า ชาดัด เข้าใจว่าเป็นเพราะนิยมนำมาดัดเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปสัตว์ต่างๆ และยังนิยมนำมาปลูกเป็นแนวรั้วด้วย และตามเกาะกลางถนนทั่วไป ตัดแต่งเป็นเหลี่ยม ขั้นบันได ดูแล้วก็สวยดี                วันนี้จะมาพูดถึง วิธีการชำ ชาดัด หรือ ชาฮกเกี้ยน ตั้งใจจะปักชำมาหลายวัน โดยเตรียมแก้วกาแฟพลาสติกที่ได้จากที่เพื่อนๆพี่ๆน้อง หลานๆ กินกาแฟแล้วช่วยกันเก็บมาให้ เป็นการ reuse พลาสติก โดยครั้งนี้ ปักชำประมาณ 50 ต้น           วิธีการปักชำ ชาฮกเกี้ยน หรือ ชาดัด ใช้วิธีการชำด้วยกะปิ   ไม่ใช้สารเคมี โดยนำกิ่งชาที่ตัดเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 15-20 ซม. มาแช่ในน้ำที่ละลายกะปิก่อน แช่ไม่นานนะคะ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง         จากนั้น นำกิ่งชาดัดที่แช่น้ำกะปิแล้ว มาปักลงแก้วกาแฟพลาสติกซึ่งใส่แกลบดำไว้เรียบร้อยแล้ว โดยรดน้ำเพื่อให้แกลบยุบตัวก่อน        หลังจากปักลงแก้วแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่ม นำใส่ถุงพลาสติกคลุม อบเอาไว้ เพื่อรักษาความชื้น และให้แสงผ่านเข้าไปได้  ครั้งนี้พอดีมีพลาสติกกันกระแทกเก่าๆ อยู่ เลยนำมาใช้คะ     เตรียมกรอกแกลบดำใส่แ

แปลงปลูกผัก สำหรับผู้ที่มีเนื้อที่น้อย แต่รักที่จะปลูก..

                                  รูป 1. กว้าง 42 ซม. ยาว 1.80 ม. สูง 1.95 ม.      หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูลทางเกษตรมาหลายเดือน ทดลองปลูกผักหลายอย่าง รวมทั้งไม้ดอก เพาะกล้าไม้ยินต้น ลองผิดลองถูกกับเนื้อที่บนระเบียงอันน้อยนิด แถมยังต้องมีเนื้อที่ข้างล่างวางถังน้ำหมักชีวภาพอีกหลายๆ สูตร หลายถัง ก็ทำกันไปด๊าย.. :)      ก็พยายามที่จะทำแปลงผัก ที่สามารถปลูกผักที่ต้องอาศัยค้างได้ เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วพู แตงกวา เป็นต้น คิดแล้วก็ได้รูปแบบออกมาอย่างในรูป โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทำจากไม้ไผ่ และบุด้วยถุงกระสอบ จากรูป1. แปลงนี้ กว้าง 42 ซม. ยาว 1.80 ม. สูง 1.95 ม. แปลงนี้ทำใช้เองบนระเบียงไม้ชั้น 2                                    รูป 2. กว้าง 42 ซม. ยาว 1.20 ม. สูง 1.85 ม. ส่วนรูป 2. เป็นแปลงที่มีขนาดความยาวน้อยกว่ารูปแรกค่ะ  ขนาดดูจะกระทัดรัดกว่า  กว้าง 42 ซม. ยาว 1.20 ม. สูง 1.85 ม.       ทั้ง 2 ขนาดสามารถนำไปตั้งที่ระเบียงบ้าน หรือทาว์นเฮาส์ หรือคอนโดได้ ขึ้นอยู่กับขนาดเนื้อที่ค่ะ     จากที่ทำขึ้นมานี้ใครเดินผ่านไปมาหน้าบ้าน ก็สนใจบอกว่าสวยดี  ก็เลยคิดว่าอาจจะมีผู้สนใจซื้อไปปลูกผัก

น้ำหมักชีวภาพ สูตรเร่งดอกเร่งผล คุณก็ทำได้...

    จากที่ศึกษาการทำน้ำหมกชีวภาพหลายๆสูตร หนึ่งในที่ทดลองหมักใช้ดู ก็คือสูตรเร่งดอกเร่งผล วัตถุดิบที่เป็นส่วนผสม ก็หาได้ง่าย ถ้าไม่ได้ปลูกเองก็จำเป็นต้องหาซื้อในตลาดไปก่อน แต่ผู้ที่มีสวนอยู่แล้ว วัตถุดิบนั้นหาได้ไม่ยากเลย     ขอนำรูปมาให้ดู ซึ่งเป็นผลจากการใช้น้ำหมักเร่งดอกเร่งผล ทุกอย่างปลูกบนระเบียงค่ะ                รูป 1. ถั่วฝักยาวสีแดง พันธุ์น่าน ออกฝักแล้ว ทานดิบอร่อยมาก รสหวาน          รูป 2. พริกชี้ฟ้า ก็ได้ผลออกมาแล้ว  ปลูกในกระถาง ความสูงไม่ถึงฟุต               รูป 3. อัญชันสีน้ำเงิน ปลูกในแก้วกาแฟ ความสูงไม่ถึงฟุต ก็ออกดอกแล้ว       คราวนี้มาพูดถึงส่วนผสมการทำน้ำหมักสูตรเร่งดอกเร่งผลกันบ้าง ก็จะมี 1.กล้วยน้ำว้าสุก ทั้งเปลือก        1 กก. 2. ฟักทองแก่  ทั้งเปลือกและเมล็ด    1 กก. 3. มะละกอสุก ทั้งเปลือกและเมล็ด     1 กก. 4. น้ำตาลทรายแดง(โอทึ้ง) หรือ กากน้ำตาล1 กก. วิธีทำ   1.  นำผลไม้ทั้งหมดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในถังหมัก   2.  ใส่น้ำตาลทรายแดง(โอทึ้ง) หรือ กากน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝา หมักทิ้งไว้ 15 วัน   3.  เติมน้ำ 10 ลิตร หมักต่ออ